top of page
8955ee32eb28ad12add57ea059461fb0.gif
b4e5a8ff5b4060b027f325dba48ebdd4.jpg

Maurice

ravel

 Maurice Ravel  (Joseph Maurice Ravel) เกิดเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ. 1875 – 28 ธันวาคม ค.ศ. 1937 เป็นนักแต่งเพลง นักเปียโน และวาทยกรชาวฝรั่งเศส ได้รับการยกย่องไปทั่วโลกว่าเป็นนักแต่งเพลงที่ดีที่สุดของฝรั่งเศส

 ราเวลเกิดที่เมืองซีบูร์ ประเทศฝรั่งเศสใกล้กับบียาริตส์ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนสเปนประมาณ 18 กิโลเมตร บิดาคือปีแยร์-โฌแซ็ฟ ราเวล ซึ่งเป็นวิศวกร นักประดิษฐ์ และนักผลิตที่ประสบความสำเร็จ และเกิดที่แวร์ซัวใกล้กับชายแดนฝรั่งเศส-สวิส ส่วนมารดาคือมารี เดอลัวร์ ซี่งเป็นชาวบาสก์แต่เติบโตที่มาดริด ทั้งบิดาและมารดานับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก

  ราเวลเริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่เขาอายุ 7 ขวบ และเริ่มเรียนการประสานเสียงตั้งแต่อายุ 11 ขวบ และเข้าศึกษาในสถาบันดนตรีปารีส (Conservatoire de Paris) ซึ่งเป็นสถาบันดนตรีที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส  อีกทั้งยังชนะการแข่งขันเปียโนในปีเดียวกัน โดยช่วงเวลาที่เขาศึกษาที่สถาบันดนตรีแห่งนี้ช่วงที่เขาพัฒนาตนเองสู่การเป็นนักแต่งเพลงอย่างก้าวกระโดด อาร์บี โอเรนสไตน์ (Arbie Orenstein) นักดนตรีวิทยากล่าวว่าในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1890 เป็นช่วงที่ราเวลพัฒนาตนเองจากวัยรุ่นสู่การเป็นผู้ใหญ่อย่างมาก

 ราเวลมักถูกนำไปเปรียบเทียบกับโกลด เดอบูว์ซี ซึ่งเป็นคีตกวีชาติเดียวกันอยู่บ่อย ๆ แต่อันที่จริงแล้วดนตรีของทั้งสองมีรูปแบบต่างกันมาก ถึงแม้ว่าราเวลจะถูกจัดว่าเป็นคีตกวีในสมัยลัทธิ impressionst คนหนึ่ง แต่ดนตรีของเขามีสีสันไปทางคลาสสิกมากกว่า ราเวลไม่เคยแต่งงานเลยทั้ง ๆ ที่พบปะคุ้นเคยกับสตรีมากมาย เขาเป็นคนร่างเล็กแต่งตัวดีอย่างไม่มีที่ติ แต่ชีวิตของเขาไม่ฟู่ฟ่า มีนิสัยชอบสันโดษอย่างมาก สำหรับเขา "ความสำเร็จ" กับ "อาชีพ" ดูเหมือนจะเป็นคนละอย่างกัน ยิ่งประชาชนเพิ่มความนิยมชมชอบเขามากเท่าไร เขากลับทำตัวธรรมดามากขึ้น เขาสร้างดนตรีเพราะอยากทำ ไม่เคยสร้างดนตรีเพราะต้องการความก้าวหน้าหรือเพื่อหาเงิน ไม่มีความเป็นนักธุรกิจเลยแม้แต่น้อย ไม่ต้องการแม้แต่จะหาลูกศิษย์สอนเพื่อจะได้เงิน เขามีรายได้จากงานประพันธ์และการแสดงดนตรีแค่พอมีชีวิตอยู่อย่างสบาย ๆ พอประมาณเท่านั้น

e203d6086dfb223472177f158582926d.jpg

ผลงานที่สำคัญ

  • Pavane pour une infante défunte (ค.ศ. 1899)

  • String Quartet (ค.ศ. 1903)

  • Miroirs (ค.ศ. 1906)

  • Gaspard de la nuit (ค.ศ. 1908)

  • Daphnis et Chloé (ค.ศ. 1912)

  • La valse (ค.ศ. 1920)

  • Bolero (ค.ศ. 1928)

 Violin Sonata No.2 M.77

 

 ราเวลได้แต่งเพลงนี้เมื่อปี 1923 -1927 โดยที่เขาได้แรงบันดาลใจจาก American music ซึ่งนั้่นก็คือดนตรี Jazz และ Blues ที่ไนท์คลับนั่นเอง ในตอนนั้นเขาอาศัยอยู่ที่ Montfort-l'Amaury ประเทศฝรั่งเศสกับเพื่อนที่ชื่อว่า Helen Jourdan-Morhange ทั้งสองมักจะเล่นดนตรีด้วยกันเสมอ นั่นจึงทำให้เขาได้แต่งเพลงนี้เพื่อเฮเลนที่เป็นนักไวโอลิน โดยตัวเขาศึกษาเทคนิคที่ยากของตัวไวโอลินจากเพื่อนและนับมาดัดแปลงในบทเพลง ลักษณะเด่นในการประพันธ์คือ แทนที่จะเบลนด์เสียงเข้าหากันกลับแต่พยายามดึงความคอนทราสออกมามากกว่า จึงทำให้ทั้งสองเครื่องมีเทคนิคการเล่นที่โดดเด่นทั้งคู่ 

 มีทั้งหมด 3 ท่อนได้แก่

  1. Allegretto

  2. Blues. Moderato (A♭ major)

  3. Perpetuum mobile. Allegro

   เป็นบทเพลงที่แสดงถึงการมีสีสันของเครื่องไวโอลินและเปียโนซึ่งเต็มไปด้วยการผสมผสนาดนตรีหลายสไตล์อย่างเ่ชน Blues ในท่อนที่สองเป็นต้น ราเวลเชื่อว่าเครื่องดนตรีทั้งสองมักจะดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ และเขาได้เปรียบเทียบอย่างชัดเจนไว้ที่ท่อนแรก และท่อนที่สองเขาได้นำคาแรคเตอร์ของดนตรี Blues มาใส่ไว้ทั้งท่อน โดยมีการใช้ flatted seventh และsyncopated rhythms ในท่อนที่สามลายไวโอลินได้ถูกเขียนให้คอนทราสกับลายแอคคอมอย่างมาก 

 ทำให้เห็นว่าราเวลได้ค้นพบและเรียนรู้ระหว่างการเดินทาง นั่นก็คือดนตรีแจ๊ส ซึ่งเขาได้นำรูปแบบมาประพันธ์ดั่งในท่อนที่ 2 (Blues) ของ Violin sonata เบอร์นี้ได้มีการผสมผสานดนตรีแจ๊สเข้ามา เป็นสีสันใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างมาก โดยผู้ประพันธ์ได้มีแรงบันดาลใจจากเพลงแจ๊สในยุคนั้น และนำมาดัดแปลงให้เข้ากับผลงานตนเอง 

838db35624e3c2f7fcba309b0e43ef4b.gif

 ทั้งนี้ในการสร้างผลงานจะต้องมีสิ่งแวดล้อมที่สามารถเป็นแรงบันดาลใจทางด้านดนตรี American music, Jazz and Blues ล้อมรอบตัวราเวลอยู่มาก อาจจะเป็นแบนด์ที่เล่นตามริมถนน หรืออาจจะเป็นแหล่งสถานที่บันเทิงที่รู้จักกันในชื่อ "ไนท์คลับ" ก็เป็นได้

.

.

.

ติดตามได้ใน Bricktop

bottom of page